วันอาทิตย์ที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

ประเพณี


                    ประเพณีสงกรานต์

ประเพณีสงกรานต์เริ่มขึ้นวันใด

ก่อนที่เราจะถือว่าวันสงกรานต์เป็นปีใหม่แบบไทย สมัยโบราณ เราถือเอาวันขึ้น 1 ค่ำ เดือนอ้าย เป็นวันขึ้นปีใหม่ เพราะถือว่าฤดูหนาว เป็นการเริ่มต้นปี ตรงกับเดือนพฤศจิกายนหรือธันวาคม ต่อมาได้มีการเปลี่ยนแปลงตามคติพราหมณ์ ซึ่งมีรากเหง้ามาจากการสังเกตธรรมชาติและฤดูกาลผลิต เป็นวันขึ้น 1 ค่ำ เดือน 5 หรือประมาณเดือนเมษายนและในปี พ.ศ. 2432 สมัยรัชกาลที่ 5 ได้เปลี่ยนวันขึ้นปีใหม่เป็นวันที่ 1 เมษายน และต่อมาในปีพ.ศ. 2483 จอมพล ป.พิบูลสงครามได้ประกาศให้วันที่ 1 มกราคม เป็นวันขึ้นปีใหม่จนปัจจุบัน อันเป็นการนับแบบสากล
คำว่า "สงกรานต์" แปลว่าอะไร
"สงกรานต์" มาจากภาษาสันสกฤต แปลว่า ก้าวขึ้น ย่างขึ้น การย้ายที่ การเคลื่อนที่ เป็นวันที่พระอาทิตย์ย่างขึ้นสู่ราศีใหม่ เป็นวันที่พระอาทิตย์โคจรย้ายราศีมีนเข้าสู่ราศีเมษ เป็นวันเปลี่ยนจุลศักราชใหม่ ตามการคำนวณของโหร ผู้รู้ทางโหราศาสตร์ ประเพณีสงกรานต์ ปกติมีทั้งหมด 3 วัน คือเริ่มตั้งแต่วันที่ 13 เมษายน ถึง 15 เมษายน โดยถือเอาวันที่ 13 เป็นวันต้น หรือวันมหาสงกรานต์ วันที่ 14 เป็นวันเนา หรือวันกลาง และวันที่ 15 เป็นวันเถลิงศก หรือ วันสุดท้าย

วันสงกรานต์ทำอะไรกันบ้าง

เรามักทำความสะอาดบ้านเรือน ทำบุญทำทาน สรงน้ำพระ รดน้ำดำหัวขอพรผู้ใหญ่ และเล่นสาดน้ำกัน

                    



                   ประเพณีลอยกระทง



ประเพณีลอยกระทงเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่?

ไม่มีหลักฐานระบุแน่ชัดว่าเริ่มตั้งแต่เมื่อใด

แต่เชื่อกันว่าประเพณีลอยกระทงมีการสืบต่อกันมานาวนานตั้งแต่สมัยสุโขทัย โดยในรัชสมัยพ่อขุนรามคำแหงเรียกประเพณีลอยกระทงนี้ว่า "พิธีจองเปรียญ" หรือ "การลอยพระประทีป"

ประเพณีลอยกระทงมีเพื่ออะไร

เพื่อขอขมาแก่พระแม่คงคา ให้รำลึกถึงบุญคุณของธรรมชาติที่ให้คุณประโยชน์แก่เรา ทั้งอุปโภค และบริโภค ทั้งนี้น้ำเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการดำรงชีวิตของมวลมนุษย์

    เพื่อบูชาพระผู้เป็นเจ้า ตามคติความเชื่อของพราหมณ์ คือ การบูชาพระนารายณ์ เทพผู้รักษาคุ้มครองโลก ผู้รักษาให้อยู่รอดปลอดภัย

    เพื่อต้อนรับพระพุทธเจ้า ในการเสด็จกลับจากเทวโลก เมื่อครั้งพระองค์เสด็จไปจำพรรษาอยู่บนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เพื่อทรงแสดงธรรมโปรดพุทธมารดา

    เพื่อบูชารอยพระพุทธบาทของพระพุทธเจ้า ที่หาดทรายริมฝั่งแม่น้ำนัมทามหานที เมื่อคราวเสด็จไปแสดงธรรมโปรดพญานาค ในนาคะพิภพ

    เพื่อบูชาพระจุฬามณีบนสวรรค์ ซึ่งเป็นที่บรรจุพระเกศาของพระพุทธเจ้า พระอินทร์ได้นำผอบทองมารองรับพระเมาลี (มวยผม) เมื่อครั้งทรงตัดพระเมาลีตอนตัดสินพระทัยบรรพชาในครั้งแรก แล้วนำไปบรรจุไว้ในพระเจดีย์จุฬามณี

    เพื่อบูชาท้าวพกาพรหมบนสวรรค์ชั้นพรหมโลก ผู้ให้กำเนิดพระพุทธเจ้า 5 พระองค์ เมื่อครั้งเป็นแม่กาผู้ให้กำเนิดไข่ 5 ฟอง แล้วกำเนิดออกมาเป็นมนุษย์ ได้แก่ กกุสันโธ โกนาคมโน กัสสโป โคตโม และเมตเตยโย

    เพื่อบูชาพระอุปคุตเถระ ซึ่งบำเพ็ญเพียรบริกรรมคาถาอยู่ในท้องทะเลลึก หรือสะดือทะเล ผู้ปราบพญามารได้ และหันมานับถือพระรัตนตรัย พระอุปคุตไทยเรียกว่า พระบัวเข็ม ซึ่งเป็นที่เคารพสักการะของชาวไทยทั้งภาคเหนือ ภาคอีสาน และชาวพม่า

    เพื่อบูชาพระศรีอริยเมตไตร ซึ่งเป็นเทวโพธิสัตว์ในอนาคตจะมาจุติบนโลกมนุษย์ และตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าพระองค์หนึ่ง ซึ่งเป็นองค์สุดท้ายของพระพุทธเจ้า 5 พระองค์

    เพื่อบูชาเทพเจ้าแห่งน้ำ และเป็นการแสดงความคารวะ ความขออภัยที่ได้ลงอาบ หรือได้ปล่อยสิ่งปฏิกูลลงน้ำ ไม่ว่าจะตั้งใจ หรือไม่ก็ตาม ซึ่งเป็นการขมาโทษต่อเทพเจ้าแห่งน้ำ

เพื่อรักษาขนบธรรมเนียมประเพณีของไทยแต่โบราณ มิให้สูญหายไปตามกาลเวลา และเป็นการจัดงานเพื่อความสนุกสนานรื่นเริงต่างๆ เพื่อรวมกลุ่มชน เพื่อความสามัคคีของกลุ่มชน





ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น